One Shot : Your shirt , Your pillow
Pairing : Spock/Kirk
Rating : PG ใสกิ๊งๆๆๆๆ (?)
Angst (?) & fluff(?)
“จากบทสนทนาเมื่อ 4.32 นาทีที่ผ่านมา ผมพบว่าไม่ใช่บทสนทนาที่น่าพอใจและสร้างความหงุดหงิดให้แก่กันทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้นทางแก้ไขปัญหาที่มีเหตุผลที่สุดคือไม่ใช้อารมณ์ในการพูดคุยและหยุดการสนทนาลงตอนนี้ครับ”
“อย่ามาใช้เหตุผลอะไรตอนนี้สป็อค นายอยากให้ฉันหยุดพูดก็พูดมาตรงๆไม่ต้องอ้างนู่นนี่”
“กัปตัน–”
“นายคงรู้สึกว่าพวกมนุษย์นี่น่ารำคาญ คุยด้วยนานๆนายคงทนฉันไม่ได้”
“วัลแคนไม่รู้สึก–”
“แค่เรียกฉันว่า ‘จิม’ ตอนนี้นายยังทำไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับการที่นายจะอยากจะคุย–”
“ผมคิดว่าประเด็นของการสนทนามันไม่ใช่–“
“มันก็ใช่นั่นแหละสป็อค แค่นายพูดออกมาว่า–”
“จิม หยุด–”
“ก็พูดมาคำเดียวว่าไม่อยากคุยกับฉัน ฉันมันไม่ได้ทำอะไรตามเหตุผลเหมือนนาย–“
“…”
“เงียบทำไมสป็อค ในฐานะกัปตัน ฉันขอสั่งให้นายพูด–”
“ตอนนี้ผมไม่อยากคุยกับคุณครับ”
ถึงจะผ่านมาเป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้ว แต่จิม เคิร์ก ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม พร้อมกับความรู้สึกที่ว่าภายในห้องนอนของเขามันเงียบเสียจนน่ากลัว สิ่งเดียวที่ได้ยินในตอนนี้ก็คงมีแต่จังหวะการเต้นของหัวใจของตัวเองที่เหมือนจะแผ่วลงอยู่ทุกขณะ แถมมันจะเต้นผิดจังหวะเป็นครั้งคราวเมื่อย้อนนึกถึงบทสนทนาเมื่อชั่วโมงก่อน ซึ่งตอนนั้นจิมก็ทำได้แค่มองตามแผ่นหลังของวัลแคนต้นเหตุที่พอพูดจบประโยคก็เดินหันหลังกลับไปห้องของตัวเอง เหมือนไม่อยากหายใจในพื้นที่เดียวกันกับเขา
พวกเขาทะเลาะกัน ‘อีกแล้ว’ และครั้งนี้ดูเหมือนว่าสป็อคจะโกรธจริงๆ
ต้นเหตุของการทะเลาะกันของพวกเขาเป็นเรื่องภารกิจใหม่ในอีก 3 วันข้างหน้า ที่ยาน USS Enterprise จะลงสำรวจพร้อมกับสร้างสัมพันธไมตรีทางการทูตกับดาวดวงใหม่ แต่สป็อคไม่อยากให้จิมเข้าร่วมภารกิจนี้ เพราะว่าเจ้าตัวเพิ่งหายป่วยจากการทำงานหนักมาไม่ถึงอาทิตย์ ส่วนจิมนั้นก็ยืนยันว่าเค้าต้องเข้าร่วม เพราะเป็นหน้าที่ของกัปตันที่จะลงไปสร้างสัมพันธไมตรีกับชนเผ่าใดๆก็ตามที่อาศัยอยู่เป็นคนแรก (แถมไม่ใช่ภารกิจที่จะต้องออกแรงอะไรมากมายซักหน่อย!)
ในตอนแรกกัปตันคนเก่งก็เหมือนจะเข้าใจอยู่ว่าทำไมผู้การถึงไม่อยากให้เขาลงไปนัก ก็พวกเขาเพิ่งพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนร่วมงานมาเป็นคนรักได้ไม่นาน จากที่เคยรู้สึกบ้างว่าสป็อคห่วงเขามากขนาดไหน เทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้ที่สป็อคแทบจะไม่ยอมให้เขาทำงานอะไรที่ต้องออกแรงเลย (ถ้าจะพูดง่ายๆก็เหมือนอัพเลเวลความหวงแหนเพิ่มขึ้นอีกสิบระดับนั่นแหละ) แต่บวกกับการที่ทำงานหนักมาทั้งวัน แถมวัลแคนประจำตัวก็ทำเหมือนจิม เคิร์กเป็นเด็กสามขวบอีก เขาก็ต้องมีหงุดหงิดบ้างใช่ไหมหล่ะ! ก็สป็อคทำตัวเหมือนกับว่าเขาดูแลตัวเองไม่ได้อย่างนั้นแหละ! (นี่มันแย่กว่าการที่โบนส์บ่นเขาเรื่องคุมอาหารเสียอีก) แต่เขาเป็นกัปตัน แค่เรื่องพื้นฐานเขาก็ทำได้ จิมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมสป็อคถึงไม่ยอมเขา ทั้งที่ก็(พยายาม)เถียงด้วยเหตุผลแล้ว แต่สป็อคก็ตอบกลับด้วยเหตุผลที่ดีกว่าทุกที หลังจากนั้นจิมก็หงุดหงิดจนไม่รู้แล้วว่าตัวเองพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง
จนแค่สป็อคพูดประโยคสุดท้ายมานั่นหล่ะ
“ตอนนี้ผมไม่อยากคุยกับคุณครับ”
แค่คิดว่าสป็อคไม่อยากคุยกับเขา จิมก็รู้สึกก็เหมือนมีอะไรจุกอกตลอดเวลาแล้ว แต่จะโทษใครได้ ก็เป็นเขาเองที่พลั้งปากพูดแบบนั้นออกไปก่อน จิมรู้สึกว่าสมควรแล้วที่สป็อคจะไม่อยากคุยกับเขา เขาเป็นมนุษย์ เขาทำตัวไม่มีเหตุผล สร้างปัญหาให้สป็อคคอยตามแก้อยู่บ่อยๆ สป็อคอยู่กับเขาก็คงไม่เคยได้รับความสงบอย่างที่วัลแคนทั่วๆไปอยากจะมี
แค่คิดมาถึงตรงนี้จิมก็รู้สึกปวดหัว เขาสูดหายใจเข้าลึกๆหวังว่าจะทำให้จิตใจสงบลงบ้าง และพาขาที่สั่นของตัวเองลงไปนั่งบนเตียง ดวงตาสีฟ้าสวยที่มักจะมีประกายอยู่ตลอดเวลาหม่นแสงลง จิมมองเห็นมือของตัวเองสั่น ขอบตาก็เริ่มร้อนผ่าว แต่เจ้าตัวก็พยายามเหลือเกินที่จะกลั้นไม่ให้น้ำใสใสไหลออกมาง่ายๆ
“ฮึบสิจิม เคิร์ก เรื่องแค่นี้จะมาร้องไห้เหมือนสาวน้อยไม่ได้นะเว้ย”
จิมพูดกับตัวเองพลางแค่นหัวเราะออกมาน้อยๆ แต่เสียงที่ออกมาสั่นจนเขาเองยังนึกกลัว นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำไมเขาถึงไม่อยากผูกมัดตัวเองกับใคร เพราะเขากลัวว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างนี้ เขาคือคนที่คอยสร้างปัญหาจนทำทุกอย่างพังลงด้วยตัวเอง และสุดท้ายก็เป็นเขาที่เจ็บเองตลอด….
ที่ผ่านมาทุกครั้งที่ทะเลาะกันสป็อคจะเป็นคนที่เข้าหาจิมก่อน สป็อคจะไม่ปล่อยให้การทะเลาะข้ามไปเกินวัน คิดไปพลางดวงตาสวยก็เหลือบไปมองนาฬิกาก็เฉียดจะขึ้นวันใหม่เข้าไปทุกที แต่ก็ไม่มีวี่แวววัลแคนจะเข้ามาปลอบใจกันเหมือนทุกครั้ง สป็อคคง’รู้สึก‘โกรธเขาจริงๆนั่นแหละ
บอกตัวเองให้หยุดคิดพลางสูดหายใจเข้าออกลึกๆอีกสักสองสามที มือก็ยีผมสลวยจนมันลงมาปิดบังสายตา พลางพ่นลมออกมาแรงๆให้ลมมันตีกับผมที่ปรกหน้าของตัวเองจนขยับยุ่งหลายๆทีจนเจ้าตัวพอใจ หลังจากเสร็จจากการกระทำไร้สาระของตัวเองจิมก็ตัดสินใจว่าเขาเหนื่อยเกินกว่าที่คืนนี้จะทำงานอะไรต่อแล้ว พลันเหวี่ยงตัวเองลงบนเตียงจนหัวทุยๆจมเข้าไปกับหมอนใบโต จมูกก็ดันสูดหายใจเข้ากับกลิ่นเฉพาะตัวของเจ้าของหมอนที่ปกติจะเข้ามานอนกับเค้าทุกคืน สป็อคยืนยันที่จะเอาหมอนของตัวเองมาด้วย เพราะว่าหมอนในห้องจิมไม่รับกับสรีระของชาววัลแคน (หรืออะไรก็ตามแต่ที่สป็อคพูดแต่จิมจับใจความได้เพียงเท่านี้)
จิมถอนหายใจเมื่อพบว่าขอบตาตัวเองเริ่มร้อนผ่าวอีกครั้ง พลางปาหมอนใบโตลงพื้น แล้วหาที่ซุกขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่แทน แต่ก็แปลกใจเมื่อพบว่าแขนไปเกี่ยวกับอะไรสักอย่างในผ้าห่ม เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นเสื้อยูนิฟอร์มสีฟ้าของคนห้องข้างๆ ที่เมื่อเย็นจิมเป็นคนถอดออกจากตัวสป็อคแล้วโยนลงบนเตียงอย่างเร่งรีบ(ด้วยเหตุผลอะไร เขาจะไม่ขออธิบาย) แต่แค่มองเห็นเขาก็รู้สึกหงุดหงิดจนโยนเสื้อของสป็อคลงพื้นไป ให้มันไปอยู่ข้างๆหมอนด้วยกันนั่นแหละ เขาไม่อยากเห็นอะไรเกี่ยวกับสป็อคทั้งนั้น
หลังจากจัดการกับสภาพบนเตียงจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว จิม เคิร์กก็ขอขดตัวอุ่นๆอยู่ในผ้าห่ม ถึงแม้วันนี้จะไม่มีวัลแคนประจำตัวมานอนด้วยหนึ่งวันก็ไม่เป็นไรหรอก เขาไม่อ่อนแอขนาดที่จะต้องไปง้อให้สป็อคมานอนด้วยกันสักหน่อย
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
จิมพบว่าตัวเองนอนไม่หลับ นอนพลิกไปพลิกมาก็แล้ว ถีบผ้าห่มออกบ้าง นับแกะจนถึงหมื่นถึงแสนตัวแล้วก็ยังนอนไม่ได้ ดวงตาสีฟ้าสวยที่ตอนนี้มีประกายความหงุดหงิดจ้องเพดานห้องเขม็งเหมือนกับมันไปทำอะไรให้เจ้าตัวไม่พอใจ จิมพลิกตัวไปมาอีกสองสามที สายตาพลันไปเห็นหมอนและเสื้อของคนห้องข้างๆที่กองอยู่บนพื้น จิมนอนมองกองนั้นอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ แต่สุดท้ายก็ลุกไปหยิบหมอนใบโตและเสื้อที่อยู่บนพื้น ได้ทีก็ทุบตีหมอนและขยำเสื้อ(ที่ปกติไม่มีรอยยับแม้แต่นิด)จนตัวเองพอใจ แต่สุดท้ายก็เป็นเจ้าตัวเองนั่นแหละ ที่เอาทั้งหมดมากอดเอาไว้แนบอกพลางสูดกลิ่นคุ้นเคยที่ทำให้จิตใจสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่สบายที่สุดแล้ว ความง่วงเริ่มถามหา เปลือกตาก็เริ่มหนัก สิ่งสุดท้ายที่จิมจำได้ก่อนหลับไปก็คือภาวนาว่าพรุ่งนี้ตื่นมาขออย่าให้เจอเตียงที่ว่างเปล่าเลย
อ่อนแอชะมัดเลย เคิร์ก
.
.
.
0500
จิมตื่นขึ้นมาด้วยความไม่สบายตัว เขารู้สึกว่าห้องมันร้อนเกินกว่าปกติและเขาก็ขยับตัวไม่ได้ สัญชาตญาณแรกนั้นทำให้เจ้าตัวตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่สุดท้ายเมื่อเปิดเปลือกตาขึ้นมาเห็นหูแหลมๆอยู่ตรงหน้าเป็นอย่างแรก ร่างกายก็ผ่อนคลายลงเพราะเจ้าตัวรู้แล้วว่าตัวเองแค่ถูกล็อคไว้ในอ้อมกอดของวัลแคนห้องข้างๆที่แอบเข้ามาอยู่บนเตียงด้วยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
จิมขยับตัวเข้าซุกกับหมอนข้างวัลแคนส่วนตัว(ที่จิมคิดว่าอุ่นที่สุดในจักรวาล) เมื่อสป็อคกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จิมก็ยิ้มขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ก่อนที่รอยยิ้มจะกว้างขึ้น เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นประทับเข้าที่ขมับของตัวเอง พร้อมกับได้ยินเสียงกระซิบขอโทษแผ่วเบาข้างๆหูที่ทำให้หัวใจพองโต แค่เพียงเท่านี้ความน้อยใจเสียใจเมื่อคืนที่ผ่านมาหายไปทั้งหมด จิมได้แต่ถอนหายใจกับความใจง่ายของตัวเอง พลางก็คิดไปว่าอย่างน้อยเช้านี้เขาก็ไม่ได้ตื่นมาพบกับเตียงที่ว่างเปล่าอย่างที่ในใจนึกกลัวก็เพียงพอแล้ว
.
“Ashaya, I didn’t know you prefer to sleep with my shirt rather than me.”
.
fin.
ฮือ จบแล้วค่ะ 5555555
สารภาพก่อนว่าไม่ได้แต่งฟิคมานานมาก น่าจะประมาณ 3-4 ปีได้ค่ะ ไม่กล้านับเลยจริงๆ ภาษาเอย อะไรเอยเหมือนต้องเคาะฝุ่นใหม่หมด อาจจะมีข้อผิดพลาดไปบ้างก็ติชมกันได้นะคะ อยากได้ฟีตแบคด้วย เพราะไม่ได้แต่งนาน รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติเลย จุดประสงค์ของฟิคสั้นๆเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรมากเลยค่ะ แค่อยากเห็นน้องจิมนอนกอดเสื้อสป็อคก็เท่านั้นเอง ฮรือว
ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านฟิคกากๆของเรานะคะ ถ้ามือลั่นอีก ก็อาจจะได้แต่งอีก พลอตในหัวตอนนี้มีแต่ทำร้ายจิมค่ะ ฮืออออ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
ติชมได้อีกทางที่ทวิตนะคะ ไม่กัดค่ะ ‘3’
โอ้ยตายยยย น่ารักกก น่ารักมากๆๆๆ ยัยจิมโคตรดื้อ สป็อคเขาแค่เป็นห่วงแหละฮือ แล้วอะไรคือนอนไม่หลับแต่พอได้กอดหมอนกับเสื้อสป็อคแล้วหลับสบายเลยนะ! ส่วนสป็อคนี่ก็เคยโกรธจิมได้เกินสองวันบ้างมั้ยใจอ่อนตลอดแบบนี้จิมเลยยิ่งเหลิงไงเพราะมีแฟนตามใจจจ หึยยยยย ชีวิตดีไปอีก ประโยคจบโคตรเขินอิจิมคงแกล้งหลับ่อนหน้าแดงๆของตัวเองชัว ฮอล โอ้ย อิจิมมีแฟนดีจริง ฮือออ
LikeLiked by 1 person
ฮือ แต้งกิ้วเหลือเกิน ตอบในทวิตไปแล้ว เพิ่งตอบในนี้เป็นจย้า >< ขอบคุณอีกรอบน้า
LikeLiked by 1 person
อ๊ายยยย มีความน่ารักมากกกกกก
ซึนทั้งคู่ จิมมีความนางเอก mv t-shirt (เก่าได้อีก)
อยากอ่านแบบยาวๆ เขียนมาอีกนะค้า
อ่านคู่ไหนก้ไม่หวีดเท่าคู่นี้จริงๆ เขินแทน
รอเรื่องหน้าค่าาาา
LikeLiked by 1 person
ฮรือว จิมมีความนางเอกในตัวค่ะ 55555 ขอบคุณมากนะคะที่ชอบ ไว้จะแต่งอีกนะคะ ><
LikeLike
น่ารักมาก สป็อคยอมจิมทุกอย่างอะ
แม้จิมดื้อ แต่ก็ยังตามาง้อตลอดๆ
ตอนสุดท้าย คือไม่คิดว่าสป็อคจะตามมานอนด้วย
ประโยคสุดท้ายนี่คิดงั้นๆจริงหรือเปล่า555 แต่จิมน่าจะเขินจากประโยคนั้นนะ555
LikeLiked by 1 person
วัลแคนขี้ตามใจค่ะ อยู่กะจิมได้พอดี5555555 ฮือ ขอบคุณที่ชอบนะคะ >3<
LikeLike
จิมมี่ ฮืออออออออออ ทำไมทำตัวน่ารักแบบนี้ ไม่ผิดหรอกที่สป็อคจะมองว่าเหมือนเด็กสามขวบ ก็จิมมี่ทำตัวเหมือนขนาดนี้เลยนี่คะ ยังกับเด็กน้อย เขาจะคิดมันก็ไม่ผิดหรอกนะ 5555555555555
ทะเลาะกัน วีนเขา โกรธเขา แล้วก็คิดถึงเขา อะไรกันคะ ดูย้อนแย้งนะจิมมี่ แต่น่ารักจริงจัง นอนอยู่ตั้งนานก็ไม่ยอมหลับ พอเก็บหมอนเก็บเสื้อเขามานอนกอดนี่หลับฝันดีเลยนะคะ แหมมมมมมมมมม **ดึงแก้ม
สป็อคนี่ก็สปอยตลอดอ่ะ ไม่เคยโกรธจิมได้จริงจังหรอก แค่หลบไปสงบสติอารมณ์ พอถึงเวลาก็กลับมาง้อเขาอ่ะ แงงงงงงงงงงงงงงงงง คนรักที่ดี **มอบโล่
แอบเห็นด้วยกับสป็อคนะคะ เวลาทะเลาะกันนี่ทิ้งระยะห่างไปสงบสติอารมณ์น่ะดีแล้ว ถ้ายิ่งดึงดันจะพูดต่อนี่น่าจะทะเลาะกันแรงกว่านี้ อันนี้แบบว่างอนกันใสใส(?) 5555555555555555555 แต่สป็อคใช้คำพูดแบบ.. ตอนนี้ผมไม่อยากพูดกับคุณ มันก็ทำให้จิมคิดได้น่ะแหละว่าสป็อคคงโกรธมากจนไม่อยากจะพูดด้วย จิมยิ่งดูเหมือนคนคิดมากอยู่ – -”
แต่ยังไงสุดท้ายมันก็จบด้วยดี หมอนข้างส่วนตัวกลับมานอนกอดแถมพูดขอโทษขนาดนี้ เขินประโยคสุดท้ายจริงๆ ป่านนี้จิมคงเขินจนนอนไม่หลับแล้วมั้ง ขออนุญาตคนเขียนปาหมอนอัดหน้าผู้การค่ะ ถถถถ
ขอบคุณสำหรับฟิคน่ารักๆ นะคะ เป็นฟิคที่อ่านง่ายมากๆ ลื่นดีไม่ค่อยมีติดขัดอะไร จะลั่นฟิคทำร้ายน้องจิมมาก็ไม่ว่ากัน—- /วัลแคนปริศนาบีมทิ้งนอกโลก
ขยันลั่นบ่อยๆ จะรอเรื่องถัดไปนะคะ :3
LikeLiked by 1 person
ยัยจิมมีความย้อนแย้งค่ะ อารมณ์อ่อนไหวง่ายกะวัลแคนเลือดเขียวๆ มาง้อหน่อยก็ไหลแล้ว ฮืออออ อนุญาตให้ปาหมอนอัดหน้าวัลแคนได้ค่ะ หมั่นไส้ แต่ขี้ตามใจนะคะ ยอม ฟฟฟฟฟฟฟๆ ขอบคุณที่ชอบนะคะ ไว้ลั่นอีกจะแต่งอีกค่ะ ><
LikeLike
นั่งยิ้มเป็นบ้าใส่โน๊ตบุ๊คค่ะ อมยิ้มตั้งแต่ตอนจิมหยิบหมอนหยิบเสื้อมากอดแล้วนะ แต่พอเจอประโยคสุดท้ายนี่แบบบบบ แงงงง ขอยิ้มต่อซักห้านาทีแล้วจะระเบิดตัวบรึ้มไปเพราะความเขินนะคะ ทำไมน้องจิมน่ารักเบอร์นี้ เข้าใจเลยว่าทำไมสป็อคโกรธได้ไม่นาน
ไม่รู็จะอิจฉาใครก่อนดี คนนึงก็แฟนน่ารัก อีกคนก็แฟนดี อ๋อยยยย
ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆ ที่ทำให้ยิ้มได้นะคะ
LikeLiked by 1 person
งื้อ ขอบคุณมากนะคะ ดีใจมากๆที่ทำให้ยิ้มได้ค่ะ ฟฟฟฟฟฟ *ปาหัวใจใส่* ><
LikeLike
Pingback: Fiction Index – kahs'khiori
Pingback: Fiction Index – kahs'khiori